ภายใน 5 นาทีต่อจากนี้ คุณจะเข้าใจว่า การเทรด TFEX (ทีเฟค) หรือ Futures (ฟิวเจอรส์) นั้น คืออะไร
TFEX (ทีเฟค) ย่อมาจาก Thailand Futures Exchange เป็น ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ของประเทศไทย อ่านถึงตรงนี้ อาจจะสงสัยว่า แล้ว ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า มันคืออะไร เดี๋ยวเราจะมาทำความเข้าใจ แบบง่ายๆกันครับ
ในตลาด TFEX นั้น จะมี สินค้า (ภาษาอังกฤษเรียกว่า product) ให้เราเทรดซื้อขายล่วงหน้ากันมากมาย ได้แก่ ตราสารทุน, ตราสารหนี้, สินค้าโภคภัณฑ์, อัตราแลกเปลี่ยน, และ สินค้าเกษตร
แม้ว่าจะมี สินค้า มากมายหลายชนิด แต่ที่คนไทยส่วนใหญ่ นิยมเทรดกัน เป็นอันดับ 1 นั้น มีชื่อว่า SET50Futures (S50Futures) ซึ่งเป็น ตราสารทุน ประเภท ดัชนีราคาหลักทรัพย์ นั่นเอง
โดย ดัชนี (ภาษาอังกฤษเรียกว่า index) SET50Futures นั้น อ้างอิงมาจาก ดัชนี SET50 ซึ่ง คำนวณมาจาก ราคาของหุ้นบริษัทใหญ่ 50 บริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ของไทย นั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ เราได้รู้ว่า แม้ว่าจริงๆแล้วตลาด TFEX จะมีสินค้าหลายอย่างให้เทรดให้ก็ตาม เมื่อได้ยินคนพูดว่า "เทรด TFEX" ก็มักจะหมายความว่า เค้าเทรดสินค้าที่มีชื่อว่า SET50Futures นั่นเอง
ต่อไป เราจะมาทำความเข้าใจว่า การเทรดตลาด TFEX หรือ Futures นั้น มีหลักการอย่างไร
ถ้าเป็นการเทรดหุ้นปกติ เราจะได้กำไรก็ต่อเมื่อ "ซื้อแล้วไปขายที่ราคาแพงกว่าตอนที่เราซื้อไว้" หรือพูดเป็นภาษาง่ายๆว่า "ซื้อถูก ขายแพง"
แต่ถ้าเป็นตลาด TFEX การที่จะได้กำไรนั้น จะเกิดขึ้นได้ 2 กรณี ได้แก่ "ซื้อถูก ขายแพง" หรือ "ขายแพง ซื้อถูก" ซึ่งแต่ละกรณีเป็นอย่างไรนั้น เราจะมาดูกันครับ
ซื้อถูก ขายแพง
เราเรียก สัญญาเทรด (contracts) ที่เป็นการซื้อล่วงหน้าว่า Long (หรือ Buy)
ตัวอย่างการทำกำไรจากการ Long
- เวลา 14:30 เราเห็นราคาดัชนี SET50Futures อยู่ที่ 895.8 เราคิดว่าราคาของตัวดัชนีน่าจะขึ้นต่อ (วิเคราะห์มาจากการอ่านกราฟ) เราก็ทำการเปิดสัญญา Long ด้วยคำสั่ง Open Long ที่ราคา 895.8 ไว้
- ช่วงท้ายตลาด ราคาได้พุ่งขึ้นไปตามที่คาดไว้ จึงตัดสินใจ ปิดสัญญา Long ที่เปิดไว้ ด้วยการส่งคำสั่ง Close Short ผ่านแอพไปยังตลาด ที่ราคา 903.6
- รวมได้กำไรทั้งสิ้น 903.6 - 895.8 = 7.8 จุด
สรุปได้เป็นภาพด้านล่างนี้
ถ้าพูดเป็นภาษาง่ายๆ ก็คือ ซื้อ ดัชนี S50Futures ที่ราคา 895.8 แล้วไปขายแพง ที่ราคา 903.6 จึงได้กำไร 7.8 จุดดัชนี
เมื่อมองว่าราคาจะขึ้น ให้ทำการเปิด Long หรือ Buy สัญญาของดัชนีนั้นไว้
ขายแพง ซื้อถูก
เราเรียก สัญญาเทรด (contracts) ที่เป็นการขายล่วงหน้าว่า Short (หรือ Sell)
ตัวอย่างการทำกำไรจากการ Short
- เวลา 14:20 เราเห็นราคาดัชนี SET50Futures อยู่ที่ 885.0 เราคิดว่าราคาของตัวดัชนีน่าจะลง (วิเคราะห์มาจากการอ่านกราฟ) เราก็ทำการเปิดสัญญา Short ด้วยคำสั่ง Open Short ที่ราคา 885.0 ไว้
- ช่วงท้ายตลาด ราคาได้ร่วงลงไปตามที่คาดไว้ จึงตัดสินใจ ปิดสัญญา Short ที่เปิดไว้ ด้วยการส่งคำสั่ง Close Long ผ่านแอพไปยังตลาด ที่ราคา 872.0
- รวมได้กำไรทั้งสิ้น 885 - 872 = 13 จุด
สรุปได้เป็นภาพด้านล่างนี้
ถ้าพูดเป็นภาษาง่ายๆ ก็คือ ขาย ดัชนี S50Futures ที่ราคา 885 แล้วไปซื้อถูก ที่ราคา 872 จึงได้กำไร 13 จุดดัชนี
เมื่อมองว่าราคาจะลง ให้ทำการเปิด Short หรือ Sell สัญญาของดัชนีนั้นไว้
คำนวณขาดทุน/ กำไรเป็นตัวเงิน
เมื่อเข้าใจหลักการของการเทรด TFEX แล้ว ว่ามีการ Long และ การ Short ต่อไป เราจะมาลองคิดคำนวณ การเกิดขึ้นของ ขาดทุน หรือ กำไร แบบเป็นตัวเงินกัน ครับ
สมมติว่า เรา เปิด Long ที่ราคา 895.8 แล้วขายทำกำไรที่ราคา 903.6 ตามตัวอย่างด้านบน เราจะได้กำไรทั้งหมด 7.8 จุดดัชนี
ในการเทรดจริง จะมีเรื่องของค่าธรรมเนียม (Commission Fees) และ VAT ภาษี ที่เราต้องเสียให้กับโบรกเกอร์ เราจะคิดคร่าวๆว่า Comm + VAT ที่เราต้องจ่ายมีค่าประมาณ 0.5 จุด เพราะฉะนั้น เราจะได้กำไรจริงๆ 7.8 - 0.5 = 7.3 จุด
เมื่อเราได้กำไร 7.3 จุด จะคิดเป็นเงินเท่าไร ต้องดูว่า ตอนเทรดเราได้เปิดไว้กี่สัญญา โดยในแอพเทรดจะใช้คำว่า Volume (Vol)
ที่เราต้องจำก็คือ 1 จุดของ S50Futures มีมูลค่า 200 บาท ต่อ 1 สัญญา
สมมติเราเปิดไว้ 10 สัญญา และทำกำไรได้ 7.3 จุดหลังหักค่าคอม และภาษีแล้ว ก็จะคำนวณได้เป็นเงิน 10 x (7.3 x 200) = 14,600 บาท
ในทางตรงกันข้ามก็เช่นกัน ถ้าสมมติ แทนที่เราจะเปิด Long ในตัวอย่างแรก แต่เราดันไปเปิด Short แล้วราคาวิ่งสวนขึ้นไป แล้วเราตัดสินใจ cut loss ตัดขาดทุนที่ราคาท้ายตลาด เราก็จะขาดทุนทั้งสิ้น 7.8 จุด และต้องเสียค่าคอม กับภาษีอีก ประมาณ 0.5 จุด รวมทั้งสิ้น ขาดทุน 7.8 + 0.5 = 8.3 จุด ถ้าเราเทรด 10 สัญญา เราก็จะขาดทุนทั้งสิ้น 10 x (8.3 x 200) = 16,600 บาท
สิ่งที่เราต้องรู้
- เวลาเจอคนพูดว่า เทรด TFEX เค้ามักหมายถึง เทรดสินค้าที่ชื่อ S50Futures
- มองว่าดัชนีจะขึ้นให้เปิด Long (Buy)
- มองว่าดัชนีจะลงให้เปิด Short (Sell)
- เวลาจะปิด Long ที่ถืออยู่ให้เลือก Close Short (Sell)
- เวลาจะปิด Short ที่ถืออยู่ให้เลือก Close Long (Buy)
- 1 จุดของดัชนี S50Futures มีมูลค่า 200 บาท ต่อ 1 สัญญา
จะเห็นว่า ข้อดีของการเทรด TFEX ก็คือ เราสามารถหาโอกาสทำกำไร ได้ทั้งสภาวะที่ตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หรือ ขาลง ซึ่งต่างจากการเทรดหุ้นที่ค่อนข้างลำบากเมื่อตลาดเป็นสภาวะขาลง
แต่เราก็ต้องระมัดระวังในการเทรด เพราะการเทรด TFEX นั้นมีการใช้ leverage (การยืมเงินโบรคเกอร์มาเทรด) ถ้าเราไม่มีความรู้ ไม่เข้าใจการบริหารหน้าตัก ที่เรียกว่า Money Management (MM) แล้วใส่ Volume เทรดมั่วๆ เกินขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนเงินในพอร์ตของเรา ก็อาจจะเจอกับสภาวะขาดทุนหนักได้ (เรื่องความไม่เข้าใจ MM นี้เอง ที่ทำให้หลายคน ขาดทุนหนักมาเยอะแล้ว)
ในแง่ความปลอดภัยนั้น การเทรด TFEX ต้องเปิดบัญชีเทรดแบบอนุพันธ์ ซึ่งมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคอยควบคุมดูแลตามกฎหมาย จึงสามารถใส่เงินจำนวนมากๆ เข้าไปในพอร์ตได้อย่างอุ่นใจ และที่สำคัญ การเอาเงินเข้า-ออกจากพอร์ตเทรดนั้น ต้องผ่านบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของเราเองเท่านั้น เลยอุ่นใจได้ว่า เงินจะไม่หายไปไหนแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจเทรด TFEX แนะนำว่า ให้ศึกษาหาข้อมูล กลยุทธ์ในการเทรด และการบริหารเงินในการเทรด (Money Management) ให้เข้าใจ เพราะถ้าเข้ามาในตลาดนี้ แบบไม่มีความรู้ โอกาสขาดทุนหนักนั้น มีสูงมาก แต่ ถ้าคุณมีความรู้ความเข้าใจ และเทรดอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท คุณก็จะสามารถสร้างผลกำไรที่น่าพอใจ จากตลาดแห่งนี้ได้
สำหรับ เงินเริ่มต้น ที่แนะนำในการเปิดพอร์ตเทรด TFEX ก็คือ อย่างน้อยๆ 100,000 บาท แต่ก็ต้องไปคำนวณดูอีกทีว่า ในแผนการเทรดของคุณนั้น จะสามารถเทรดได้กี่สัญญา เพื่อให้ความเสี่ยงโดยรวมต่อรอบไม่เกิน 2-3% ครับ
แหล่งข้อมูลในการศึกษา กลยุทธ์การเทรด
ใครที่ยังไม่ค่อยมีพื้นฐาน แนะนำให้อ่านหนังสือ "เส้นทางสู่เทรดเดอร์อาชีพ ในการเทรด TFEX"